“ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์” คอนโดฯใหม่ใกล้BTSบางหว้า ตอบโจทย์ทุกจังหวะชีวิต พร้อมเปิด Pre-Sale 17-18 พ.ย.นี้
“บางหว้า”
เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ได้รับอิทธิพลจากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะสถานีปลายทาง
บางหว้า ที่เป็นจุดตัด BTS ส่วนต่อขยายสายสีเขียว(ตากสิน-บางหว้า)
กับ MRT สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หลักสอง)ที่จะเปิดให้บริการในปี 2562 นั้นทำให้ที่นี่เป็น Intersection
hub transit ที่สมบูรณ์เชื่อมต่อทุกการเดินทางครบทั้งระบบ รถ-ราง-เรือ
ของกรุงเทพฯที่คลองภาษีเจริญทำให้มีความสะดวกในการเดินทางเชื่อมเมืองสู่เมือง
INTERCHANGE)
คอนโดมิเนียมใหม่โครงการแรกของ บริษัท นอร์ธแลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด
ผู้
ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่จาก จ.สระบุรี
นายนพดล
ธรรมวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท นอร์ธแลนด์ ดีเวลลนอปเม้นต์ จำกัด
เปิดเผยว่าโครงการ “ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์”
เป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการแรกที่เป็นคอนโดฯและเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการที่สองของบริษัทฯในกรุงเทพฯจากที่ก่อนหน้าได้พัฒนาโครงการ
D8 “Luxury Vertical House” ย่านเอกมัย-รามอินทรา
โครงการร่วมทุนกับบริษัทเดวา เรียลเอสเตท จำกัด (ของกลุ่มนายเลิศมงคล วราเวณุชย์)
โครงการเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ที่ต้องการอยู่อาศัยในเมืองทำเลไม่ไกลจาก CBD
ตอบโจทย์ด้วยพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดมิเนียม
มีเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ คุ้มค่าด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัวครบครัน ทั้งลิฟท์
สระว่าย พร้อมที่จอดรถ 6 คัน พื้นที่ใช้สอยกว่า 700 ตารางเมตร(ตร.ม.)
รองรับผู้อยู่อาศัยครอบครัวใหญ่ได้ถึง 3 เจนเนอเรชั่น ในราคาเริ่มกว่า 30 ล้านบาท
สำหรับโครงการ
“ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์” พัฒนาภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกจังหวะชีวิตที่เป็นคุณ”
เป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่กว่า 2
ไร่ มีจำนวนห้องพักอาศัย 402 ยูนิต พื้นที่สำหรับร้านค้า 1 ยูนิต มีที่จอดรถ 135
คัน(ไม่รวมจอดซ้อนคัน)หรือคิดเป็นสัดส่วนพื้นที่จอดรถประมาณ 39 % โดยคอนโดฯอาคาร A มีจำนวน 134 ยูนิต
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 27 ยูนิต ส่วนคอนโดฯอาคาร B จำวน 268
ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 35 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2562
คาดกำหนดแล้วเสร็จปี 2563 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ
คาดกำหนดแล้วเสร็จปี 2563 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ
โครงการดังกล่าวมีห้องชุดให้เลือก
3 แบบ ดังนี้ แบบ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 25.7-31.8
ตร.ม. จำนวน 323 ยูนิต , แบบ
1ห้องนอน พลัส ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 32.6-39.9
ตร.ม. จำนวน 39 ยูนิต และ แบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 45.9-51.1
จำนวน 40 ยุนิต ราคาเริ่ม 65,000 บาทต่อตร.ม.หรือราคาเริ่มต้นที่
1.59 ล้านบาทต่อยูนิต
เปิด
Pre-Sale
17-18 พฤศจิกายน 2561 ณ สำนักงานขายโครงการ ลง BTS บางหว้าทางออกที่ 4 สนใจสอบถามได้ที่เบอร์โทร 02-023-3488 ,
063 -217-6565 หรือ www.beatcondo.com
มั่นใจจุดเด่น
“ทำเล-ราคา – โปรดักส์” ตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมาย
“
เรามั่นใจในศักยภาพของทำเลที่ตั้ง และ ระดับราคาขายทำให้ลูกค้าเป้าหมายเข้าถึงที่ให้ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้สอยทั้งในห้องพักอาศัยและจากพื้นที่ส่วนกลาง”
นายนพดล กล่าว พร้อมกับขยายความว่า ด้วยศักยภาพด้าน “ทำเล
” ที่ตั้งโครงการทางเชื่อมรถไฟฟ้า BTS บางหว้า และ
รถไฟฟ้า MRT บางหว้า 280 เมตร
ที่ทุกการเดินทางนั้นง่ายและสะดวกทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง
ด้วยจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน
รวมถึงการเดินทางทางเรือที่ท่าเรือคลองภาษีเจริญ
มีเส้นทางที่เชื่อมต่อเส้นทางหลักๆทั้ง ย่านสาทร, เทอดไท, วุฒากาศ, ราชพฤกษ์, ไอคอน
สยาม ,จอมทอง, กัลปพฤกษ์ และเพชรเกษม ฯลฯ อีกทั้งยังทำให้ง่ายในการใช้ชีวิตที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย
โรงพยาบาล และศูนย์การค้า อาทิ มหาวิทยาลัยสยาม, โรงเรียนนานาชาติ
British Columbia, โรงพยาบาล พญาไท 3 ,ซีคอน
บางแค,เดอะมอลล์ บางแค และศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายบนถนนราชพฤกษ์
เป็นต้น
ด้าน
“ราคา” เริ่มต้นที่ 60,000 กว่าบาทต่อ ตร.ม.เป็นราคาที่ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อได้เมื่อเทียบกับราคาขายโครงการอื่นในย่านเดียวกันที่
80,000 บาทต่อตร.ม.ถือว่าราคาขายคอนโดฯโครงการ “ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์” นั้น
“คุ้มค่า คุ้มราคา” กล่าวคือ กรณีที่ซื้อห้อง 1 ห้องนอนขนาด 26
ตร.ม.ราคาที่ต่างกัน 20,000 บาทนั้นเท่ากับว่าต่างกันมากถึง 500,000 บาท
จำนวนเงินที่ต่างกันช่วยลูกค้าเซฟต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทในการผ่อน
ซึ่งลูกค้าสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ส่วนด้าน
“โปรดักส์” ในการออกแบบห้องพักอาศัยได้คำนึงถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก
ในราคาที่คุ้มค่ากับสเปกของห้องที่ได้รับ ฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องครบ มีพื้นที่ส่วนกลางมากถึง
2,000 ตร.ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities)
ครบครัน ทั้ง สระว่ายน้ำความยาว 20 เมตร Jacuzi และพื้นที่พักผ่อนรอบสระ,
Lobby, Co-working space, สวนลอยฟ้าที่อยู่ชั้น 4,ห้องฟิตเนส, ห้องเล่นเกมส์และเรียนรู้,
Convenience Store, Shuttle service, CCTV รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด
24 ชม. เป็นต้นจากจุดเด่นดังกล่าว บริษัทฯมั่นใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยโครงการ “ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์” เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือเริ่มต้นชีวิต กลุ่ม Gen Y ระดับรายได้ กลาง-ล่าง ที่ทำงานย่านสาทร สีลม ต้องการซื้อบ้านหลังแรก หรือต้องการที่พักหลังที่สองใกล้ที่ทำงาน เดินทางโดยรถไฟฟ้าเป็นหลัก
กล่าวได้ว่าโครงการ
“ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์” คอนโดฯใหม่โครงการแรกของ บริษัท
นอร์ธแลนด์ ดีเวลลนอปเม้นต์ จำกัด กลุ่มทุนจาก จ.สระบุรีที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบมานานกว่า 20 ปี ภายใต้แบรนด์ ธารา ฟ้าใส มีโครงการที่พัฒนามาแล้วกว่า 20 โครงการรวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจรวมถึงการขยายการเปิดตัวโครงการใหม่ๆนั้น กรรมการผู้จัดการบริษัทนอร์ธแลนด์ ฯ กล่าวว่าบริษัทฯมีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจากปัจจุบัน 50 ล้านบาทเป็น 100 ล้านบาทในปี2562 และจะเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทในปี 2563 รองรับแผนเบื้องต้นที่จะนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯนั้น ในปี 2562 มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในจ.สระบุรีอีก 2 โครงการ รวมจำนวน 300 ยูนิต ราคาประมาณ 2-3 ล้านบท รวมมูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะขยายทำเลการลงทุนโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯเพิ่มอีกประมาณ 2 โครงการมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาทในทำเลสุขุมวิทตอนปลาย และทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ย่านรัชดาฯ- ลาดพร้าว ตั้งเป้ามูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาทในปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2565
ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์เปิดเผย พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าเป็นอีกพื้นที่ที่น่าสนใจและน่าจับตามองในอนาคตเพราะสถานีบางหว้ามีความเป็นชุมชนมาก่อนหน้านี้แล้วและหลังจากที่รถไฟฟ้าสถานีบางหว้าเปิดให้บริการสถานีนี้เป็น 1 ในสถานีที่มีคนใช้บริการรถไฟฟ้าอันดับต้นๆ แม้ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าปลายทางก็ตาม โดยมีประชาชนเดินทางเพิ่มจากประมาณ 70,000-80,000 คนต่อวัน เป็นประมาณ 100,000 คน อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ศูนย์การค้า และอื่น ๆ ผู้ประกอบการให้ความสนใจกับพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งแต่ก่อนที่สถานีบางหว้าจะเปิดให้บริการปีในพ.ศ.2556 เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ข้ามสะพานตากสินมาถึงสถานีบางหว้านั้นเสร็จสมบูรณ์มาหลายปีก่อนหน้านี้แล้วเพียงแต่รอการติดตั้งระบบเดินรถไฟฟ้าเท่านั้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงมั่นใจว่าอย่างไรก็ตามสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจะต้องเปิดให้บริการแน่นอนในอนาคต จึงมาหาซื้อที่ดินและเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่มีจำนวนไม่มากนักและเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายไม่สูงมากนัก ภายหลังการเปิดให้บริการแบบสมบูรณ์ของสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าในช่วงปลายปีพ.ศ.2556 จึงเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้นและต่อเนื่องแบบเห็นได้ชัด เพียงแต่ที่ดินรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีไม่มากนักโดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในแนวถนนเพชรเกษมเพราะเป็นอาคารพาณิชย์ตลอดทั้ง 2 ฝั่ง ผู้ประกอบการบางรายจึงจำเป็นต้องเลือกที่ดินที่อยู่ไกลออกไปหรือไม่ได้อยู่บนถนนเพชรเกษมจำนวนคอนโดมิเนียมสะสมรอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจึงมีไม่มากนัก โดย ณ ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายแล้วก่อนหน้านี้สะสมอยู่ในพื้นที่อยู่ประมาณ 5,087 ยูนิต โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2561 มากที่สุดคือประมาณ 1,451 ยูนิตมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าเมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการในปีพ.ศ.2562 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้นแน่นอนส่วนอัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 81% โดยโครงการที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรเกษมมีอัตราการขายเฉลี่ยสูงกว่า เพราะเป็นพื้นที่ที่มีโครงการที่เปิดขายมาหลายปีก่อนหน้านี้อยู่แล้วหลายโครงการและส่วนใหญ่ปิดการขายไปแล้ว โครงการที่อยู่ไกลออกไปจากสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีอัตราการขายเฉลี่ยที่ไม่สูงมากนักโดยเฉพาะในโครงการที่เปิดขายใหม่และมีราคาขายเริ่มต้นมากกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและมีราคาขายต่อต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตรเหลืออยู่ รวมไปถึงในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เช่น ตลาดพลู และวุฒากาศ เป็นต้น ทั้งนี้ราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.5% ต่อปีตามแนวถนนเพชรเกษม แต่ห่างจากถนนเพิ่มขึ้นประมาณ 4.2% ต่อปีสำหรับคอนโดมิเนียมสะสมที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครมีประมาณ 500,000 แสนยูนิต ขายไปประมาณ 42,000 ยูนิต ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณรอบสถานีรถไฟฟ้า 60%
นอร์ธแลนด์ ดีเวลลนอปเม้นต์ จำกัด กลุ่มทุนจาก จ.สระบุรีที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบมานานกว่า 20 ปี ภายใต้แบรนด์ ธารา ฟ้าใส มีโครงการที่พัฒนามาแล้วกว่า 20 โครงการรวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจรวมถึงการขยายการเปิดตัวโครงการใหม่ๆนั้น กรรมการผู้จัดการบริษัทนอร์ธแลนด์ ฯ กล่าวว่าบริษัทฯมีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจากปัจจุบัน 50 ล้านบาทเป็น 100 ล้านบาทในปี2562 และจะเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทในปี 2563 รองรับแผนเบื้องต้นที่จะนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯนั้น ในปี 2562 มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในจ.สระบุรีอีก 2 โครงการ รวมจำนวน 300 ยูนิต ราคาประมาณ 2-3 ล้านบท รวมมูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะขยายทำเลการลงทุนโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯเพิ่มอีกประมาณ 2 โครงการมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาทในทำเลสุขุมวิทตอนปลาย และทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ย่านรัชดาฯ- ลาดพร้าว ตั้งเป้ามูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาทในปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2565
ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์เปิดเผย พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าเป็นอีกพื้นที่ที่น่าสนใจและน่าจับตามองในอนาคตเพราะสถานีบางหว้ามีความเป็นชุมชนมาก่อนหน้านี้แล้วและหลังจากที่รถไฟฟ้าสถานีบางหว้าเปิดให้บริการสถานีนี้เป็น 1 ในสถานีที่มีคนใช้บริการรถไฟฟ้าอันดับต้นๆ แม้ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าปลายทางก็ตาม โดยมีประชาชนเดินทางเพิ่มจากประมาณ 70,000-80,000 คนต่อวัน เป็นประมาณ 100,000 คน อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ศูนย์การค้า และอื่น ๆ ผู้ประกอบการให้ความสนใจกับพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งแต่ก่อนที่สถานีบางหว้าจะเปิดให้บริการปีในพ.ศ.2556 เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ข้ามสะพานตากสินมาถึงสถานีบางหว้านั้นเสร็จสมบูรณ์มาหลายปีก่อนหน้านี้แล้วเพียงแต่รอการติดตั้งระบบเดินรถไฟฟ้าเท่านั้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงมั่นใจว่าอย่างไรก็ตามสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจะต้องเปิดให้บริการแน่นอนในอนาคต จึงมาหาซื้อที่ดินและเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่มีจำนวนไม่มากนักและเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายไม่สูงมากนัก ภายหลังการเปิดให้บริการแบบสมบูรณ์ของสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าในช่วงปลายปีพ.ศ.2556 จึงเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้นและต่อเนื่องแบบเห็นได้ชัด เพียงแต่ที่ดินรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีไม่มากนักโดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในแนวถนนเพชรเกษมเพราะเป็นอาคารพาณิชย์ตลอดทั้ง 2 ฝั่ง ผู้ประกอบการบางรายจึงจำเป็นต้องเลือกที่ดินที่อยู่ไกลออกไปหรือไม่ได้อยู่บนถนนเพชรเกษมจำนวนคอนโดมิเนียมสะสมรอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจึงมีไม่มากนัก โดย ณ ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายแล้วก่อนหน้านี้สะสมอยู่ในพื้นที่อยู่ประมาณ 5,087 ยูนิต โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2561 มากที่สุดคือประมาณ 1,451 ยูนิตมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าเมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการในปีพ.ศ.2562 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้นแน่นอนส่วนอัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 81% โดยโครงการที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรเกษมมีอัตราการขายเฉลี่ยสูงกว่า เพราะเป็นพื้นที่ที่มีโครงการที่เปิดขายมาหลายปีก่อนหน้านี้อยู่แล้วหลายโครงการและส่วนใหญ่ปิดการขายไปแล้ว โครงการที่อยู่ไกลออกไปจากสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีอัตราการขายเฉลี่ยที่ไม่สูงมากนักโดยเฉพาะในโครงการที่เปิดขายใหม่และมีราคาขายเริ่มต้นมากกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและมีราคาขายต่อต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตรเหลืออยู่ รวมไปถึงในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เช่น ตลาดพลู และวุฒากาศ เป็นต้น ทั้งนี้ราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.5% ต่อปีตามแนวถนนเพชรเกษม แต่ห่างจากถนนเพิ่มขึ้นประมาณ 4.2% ต่อปีสำหรับคอนโดมิเนียมสะสมที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครมีประมาณ 500,000 แสนยูนิต ขายไปประมาณ 42,000 ยูนิต ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณรอบสถานีรถไฟฟ้า 60%
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น