พม. จับมือภาคีเครือข่ายติดตามงานจังหวัดปลอดขอทานและผู้แสดงความสามารถในที่สาธารณะ พร้อมหารือการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการขอทานอย่างมีประสิทธิภาพ
พลเอก อนันตพร กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการควบคุมการขอทาน ครั้งที่ 2/2562 เป็นการประชุมเพื่อติดตาม ผลการดำเนินงานสำคัญที่ผ่านมา ใน 2 ประเด็น ได้แก่ 1) ผลการดำเนินงานของจังหวัดปลอดขอทาน ไตรมาสที่ 1 - 2 ในพื้นที่นำร่อง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี ปราจีนบุรี ลำพูน พัทลุง บุรีรัมย์ และสุโขทัย และ 2) ผลการดำเนินงานของจังหวัดที่ร่วม ประกาศเจตนารมณ์ 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตรัง บึงกาฬ นครพนม ปัตตานี พังงา น่าน เพชรบูรณ์ แพร่ ราชบุรี แม่ฮ่องสอน และหนองบัวลำภู ซึ่งจะประกาศเจตนารมณ์ในเดือนมิถุนายน 2562
พลเอก อนันตพร กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาเห็นชอบถึงการศึกษาแนวทางเปรียบเทียบ ตาม พ.ร.บ. ควบคุม การขอทาน พ.ศ. 2559 และข้อดี-ข้อเสียของการมอบอำนาจตามมาตรา 23 โดยผลการศึกษา พบว่า เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความคล่องตัวในการบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการควบคุมและป้องปรามผู้ทำการขอทานให้เกิดความเกรงกลัว ในส่วนของการเปรียบเทียบปรับยังคง เป็นหน้าที่ของตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งกระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) จะดำเนินการออกประกาศกำหนดแนวทางเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 เพื่อให้พนักงานสอบสวนใช้เป็นแนวทางในการเทียบเคียงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
“กระทรวง พม. โดย พส. พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนการควบคุมการขอทาน ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2562 - 2564 ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น ตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) เพื่อสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้วยการควบคุมและลดการขอทานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาและส่งเสริมผู้แสดงความสามารถให้มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างยั่งยืน และสามารถพึ่งพาตนเองและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อไป” พลเอก อนันตพร กล่าวในตอนท้าย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น