“เสริมพลังพ่อแม่ เพื่อนมแม่ยั่งยืน” Empower parents, enable breastfeeding กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย WHO และ UNICEF
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถือเป็นการลงทุนที่ดีและคุ้มค่ามากที่สุดอย่างหนึ่ง
เพราะนอกจากจะเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของเด็กให้เจริญเติบโตแข็งแรง
มีพัฒนาการสมวัยตั้งแต่แรกเกิดอย่างดีที่สุด
และช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตของแม่หลังคลอดแล้ว ยังส่งผลดีต่อประเทศในด้านเศรษฐกิจจากการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพ
และด้านสังคมจากคุณภาพของเด็กที่เติบโตอย่าง
เต็มศักยภาพ
พ่อแม่จำเป็นต้องได้รับการสร้างเสริมพลังให้สามารถฝ่าฟันทุกข้อจำกัดในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ
เริ่มต้นจากการเข้าใจความต้องการของแม่ตามบริบทที่แตกต่างกันไป
การให้เกียรติและให้คุณค่าแก่สตรีในฐานะผู้ทำหน้าที่แม่
จะช่วยให้สังคมออกแบบวิธีการ มาตรการและกฎระเบียบต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่างเช่น
การออกกฎหมายเพื่อให้สิทธิลาคลอดเพื่อให้แม่มีเวลาพักฟื้นร่างกายและเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเพียงพอ
การกำหนดมาตรการมุมนมแม่เพื่อให้พนักงานหญิงมีที่สำหรับบีบเก็บน้ำนมเมื่อกลับมาทำงาน
หรือแม้แต่การสร้างกลุ่มแม่ช่วยแม่ในชุมชนเป็นต้น แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ในวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันที่มีความสำคัญต่อลูกทุกคน คือ “วันแม่แห่งชาติ” และนานาประเทศได้ร่วมกันกำหนดให้ทุกวันที่
1-7 สิงหาคมของทุกปีเป็นสัปดาห์นมแม่โลก หรือ World Breastfeeding Week โดยในปีนี้ ร่วมรณรงค์ภายใต้แนวคิด “Empower Parents Enable breastfeeding เสริมพลังพ่อแม่ เพื่อนมแม่ยั่งยืน”
“นมแม่” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทุกชีวิต
เพราะเป็นการวางรากฐานพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนตั้งแต่วัยทารก
ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการทั้งกายและใจของเด็ก อีกทั้ง
ลดการเสียชีวิตของมารดาและทารกหลังคลอด
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเด็กที่ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงและปอดบวมถึง 230 ล้านบาทต่อปีด้วย
ดังนั้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด
เพราะลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมหาศาล จากการสำรวจของ MICs ล่าสุด
พบว่า ประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเพียงร้อยละ 23.1
ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในอาเซียน และยิ่งไปกว่านั้น มีเด็กเพียงร้อยละ 13
ที่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องจนถึง 2 ปี
ในความเป็นจริง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะสำเร็จหรือไม่
ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความตั้งใจของแม่เป็นหลัก
แต่ความตั้งใจของแม่มักได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยแวดล้อมจำนวนมาก
ตั้งแต่การสนับสนุนของคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน คนในชุมชน บริบททางสังคม
ดาราและผู้มีชื่อเสียง รวมถึง
การได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือจากบุคลากรด้านสาธารณสุข
แนวคิดสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้ จึงต้องการสื่อสารและเน้นย้ำไปถึงทุกคนในสังคมว่า
เราสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เด็กทุกคนกินนมแม่ได้สำเร็จ
ด้านแรก การปกป้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
โดยมีการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก
พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือ พ.ร.บ.นมผง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560
เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและสุขภาพของเด็กทุกคนไม่ให้เสียโอกาสในการกินนมแม่
ผ่านการควบคุมวิธีการโฆษณาและการส่งเสริมการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็กให้เหมาะสม
กรมอนามัยร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม
เพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม แนวทางที่สำคัญ คือ
การวางระบบเฝ้าระวังทั้งเชิงรุกและเชิงรับ การพิจารณาการกระทำผิด
และการจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบและเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้านที่สอง การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เพื่อให้แม่มีความรู้ ทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
สิ่งที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
ให้จัดบริการตามมาตรฐานโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก
ซึ่งเป็นแนวทางที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า
แม่จะได้รับการดูแลและเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์
จนกระทั่งคลอด และกลับไปสู่ในชุมชน
ในปีที่ผ่านมากรมอนามัยร่วมมือกับคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
ได้จัดอบรมหลักสูตรพยาบาลเฉพาะทาง สาขาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
โดยการสนับสนุนทุนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ในการอบรมพยาบาลวิชาชีพกว่า 50 คน ทั่วประเทศ เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ในการให้ความช่วยเหลือ
ดูแลและแก้ไขปัญหาให้กับหญิงตั้งครรภ์
แม่และครอบครัวเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่า
แม่และครอบครัวจะได้รับการบริการจากบุคลากรที่มีคุณภาพในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จได้
ด้านที่สาม การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถือเป็นมาตรการที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง แม้ว่าแม่จะมีทัศนคติและการเตรียมพร้อมที่ดีแล้ว อีกปัจจัยที่สำคัญคือ การสนับสนุนจากครอบครัว คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ปัจจุบันนี้ เหตุผลหลักข้อหนึ่งที่ทำให้แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ คือ แม่ต้องกลับไปทำงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงมีนโยบายการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการขึ้น เพื่อให้แม่สามารถบีบเก็บน้ำนมได้ และกรมอนามัยได้ร่วมสนับสนุนด้านวิชาการเกี่ยวกับแนวทางการจัดตั้งมุมนมแม่ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ในกรณีแม่ต้องกลับไปทำงานและอยู่ห่างไกลลูก ศูนย์อนามัยที่ 7 มีการขับเคลื่อนโครงการภาคีร่วมใจส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูกในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ เป็นการเปิดรับนมแม่แช่แข็งจากทั่วประเทศและจัดส่งให้กับลูกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบธุรกิจขนส่งในพื้นที่ ได้แก่ บริษัท ก.เกียรติชัยพัฒนาขนส่งจำกัด บริษัทภูเขียวขนส่งจำกัด บริษัทชาญทัวร์จำกัด และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งผู้แทนของทุกหน่วยงานที่สนับสนุนได้มาร่วมในงานแถลงข่าววันนี้ด้วย
ด้านที่สาม การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถือเป็นมาตรการที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง แม้ว่าแม่จะมีทัศนคติและการเตรียมพร้อมที่ดีแล้ว อีกปัจจัยที่สำคัญคือ การสนับสนุนจากครอบครัว คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ปัจจุบันนี้ เหตุผลหลักข้อหนึ่งที่ทำให้แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ คือ แม่ต้องกลับไปทำงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงมีนโยบายการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการขึ้น เพื่อให้แม่สามารถบีบเก็บน้ำนมได้ และกรมอนามัยได้ร่วมสนับสนุนด้านวิชาการเกี่ยวกับแนวทางการจัดตั้งมุมนมแม่ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ในกรณีแม่ต้องกลับไปทำงานและอยู่ห่างไกลลูก ศูนย์อนามัยที่ 7 มีการขับเคลื่อนโครงการภาคีร่วมใจส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูกในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ เป็นการเปิดรับนมแม่แช่แข็งจากทั่วประเทศและจัดส่งให้กับลูกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบธุรกิจขนส่งในพื้นที่ ได้แก่ บริษัท ก.เกียรติชัยพัฒนาขนส่งจำกัด บริษัทภูเขียวขนส่งจำกัด บริษัทชาญทัวร์จำกัด และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งผู้แทนของทุกหน่วยงานที่สนับสนุนได้มาร่วมในงานแถลงข่าววันนี้ด้วย
คนไทยควรจะได้รับรู้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นมีความสำคัญอย่างไร
และเราจะช่วยให้แม่มีพลังกายพลังใจ ฝ่าฟันข้อจำกัดและอุปสรรคอย่างไร
เพื่อให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ “นมแม่” เป็นเรื่องธรรมชาติที่แม่และเด็กทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
นอกเหนือจากการดำเนินการตามมาตรฐานโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก
การพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขในการทำหน้าที่พยาบาลนมแม่ มาตรการทางกฎหมาย
และมาตรการทางสังคมด้านอื่นๆ
Dr. Renu Garg :Medical Officer-NCD ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย (WHO)
ในปีนี้
องค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟ
ร่วมกันรณรงค์เรื่องความสำคัญของนโยบายที่ช่วยสนับสนุนครอบครัวในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
และช่วยพ่อแม่ในการเลี้ยงดูและผูกพันกับเด็กในช่วงแรกของชีวิต
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับทารก
· องค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟ
แนะนำให้เริ่มการให้นมแม่ในชั่วโมงแรกหลังคลอด
· ให้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวจนถึงอายุ 6 เดือน
· ให้กินนมแม่ต่อเนื่องจนถึงอายุ 2 ปีหรือมากกว่านั้น
ควบคู่กับอาหารเสริมตามวัยเมื่ออายุได้ 6
เดือน
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดถึงประโยชน์ของนมแม่
· นมแม่นั้นเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของทารก
โดยป้องกันการติดเชื้อรุนแรงในช่วงวัยเด็ก และป้องกันภาวะต่างๆ เช่น เบาหวาน
และอ้วนในช่วงวัยต่อไปของชีวิต
· นมแม่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการของสมอง
และการเรียนรู้ของเด็ก
· นมแม่ยังมีประโยชน์ต่อแม่ที่ให้นมบุตร
โดยช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ โรคเบาหวาน
และโรคหัวใจอีกด้วย
ประโยชน์ของนมแม่ในเชิงเศรษฐกิจ
· ค่าประมาณความสูญเสียทางเศรษฐกิจของการที่เด็กไม่ได้รับนมแม่ทั่วโลก
อยู่ที่ประมาณสามแสนล้านเหรียญสหรัฐ
· สำหรับประเทศไทย มีการประมาณว่า
หากเด็กไทยทุกคนได้รับนมแม่อย่างเต็มที่ จะสามารถรักษาชีวิตเด็ก
และประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเด็กที่ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วง และปอดบวมไปได้ถึง
7.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (228
ล้านบาท) ต่อปี
· ความท้าทายของอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของไทย
· อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวของประเทศไทยนั้นต่ำมาก
· เด็กทารกในช่วง 6
เดือนแรกได้รับนมแม่อย่างเดียวไม่ถึง
ร้อยละ 25
· เป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเซียใต้และตะวันออก
· ความท้าทายของประเทศไทยที่จะบรรลุเป้าหมายระดับโลก
ในการเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว6เดือน ให้ถึงร้อยละ 50 ในปี 2568
· การออกพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสําหรับทารกและเด็กเล็ก
พ.ศ. 2560 นั้นถือเป็นก้าวที่สำคัญในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในประเทศไทย
· ทั้งนี้ การจัดทำยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนพรบ. และการวางกลไกในการดำเนินงานก็เป็นสิ่งสำคัญจะช่วยให้เกิดการปฏิบัติตาม
และบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมพลังพ่อแม่
เพื่อนมแม่ยั่งยืน
· นโยบายที่ช่วยสนับสนุนครอบครัวในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ถือเป็นการลงทุนด้านสุขภาพ พัฒนาการ และอนาคตของเด็ก แม่ และประเทศชาติ
· ขอให้รัฐบาล และนายจ้างทุกท่านพิจารณาดำเนินนโยบายนี้ ซึ่งรวมถึง
การให้สิทธิลาคลอดบุตร และเลี้ยงดูบุตรแบบจ่ายเงินเดือน อย่างต่ำ 18 สัปดาห์ หรือ ถึง 6
เดือนถ้าเป็นไปได้
องค์การอนามัยโลกขอร่วมสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข
และภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
และสนับสนุนให้มีนโยบายและกลไกเพื่อเสริมพลังพ่อแม่
ให้สามารถให้นมแม่อย่างเดียวในช่วง 6
เดือนแรก
และให้นมแม่ต่อเนื่องพร้อมอาหารเสริมตามวัยจนถึง 2 ขวบ
Mr.
Hugh Delaney Chief of Education (หัวหน้าฝ่ายการศึกษา) ผู้แทนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่ง สหประชาชาติประจำประเทศไทย (Unicef) “องค์การยูนิเซฟแนะนำให้เด็กทุกคนกินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก
เพื่อช่วยให้เด็กได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดและมีภูมิคุ้มกัน แต่ปัจจุบัน
มีเด็กในประเทศไทยเพียง 1 ใน 5 คนเท่านั้นที่ได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวจนครบ 6 เดือน
ซึ่งอาจมีผลมาจากหลากหลายสาเหตุ เช่น
ค่านิยมที่มักให้อาหารกึ่งเหลวกับเด็กทารกก่อน 6 เดือน หรือพ่อแม่บางคนยังมีความเข้าใจผิดว่าลูกหิวน้ำ
หรือต้องการล้างปากเด็ก
คุณแม่บางท่านอาจกังวลเรื่องคุณภาพนมของตนหรือคิดว่านมไม่พอ นอกจากนั้น
คุณแม่จำนวนมากยังขาดแรงสนับสนุนจากที่ทำงานเรื่องการให้สิทธิการลา
หรือเมื่อกลับไปทำงานแล้ว ที่ทำงานก็ไม่มีพื้นที่เหมาะสมให้แม่บีบเก็บน้ำนมได้”
นายเดลานีกล่าวเสริมว่า เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลกปีนี้
ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้สถานประกอบการช่วยกันสนับสนุน “นมแม่” โดยจัดให้มีนโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัว
(Family
Friendly policies) เช่น
การส่งเสริมนโยบายการลาคลอดของพ่อและแม่
การสนับสนุนเงินอุดหนุนเพื่อช่วยลดภาระครอบครัวที่มีลูกเล็ก
การสร้างมุมหรือห้องนมแม่
ตลอดจนนโยบายที่ให้แม่สามารถบีบเก็บน้ำนมได้ระหว่างเวลาทำงาน
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้พนักงานที่มีลูกสามารถดูแลครอบครัวได้ดีขึ้นและสร้างสมดุลในชีวิตในช่วงที่ลูกยังเล็ก
เพราะหากแม่ขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัวและที่ทำงานแล้ว
แม่ก็จะขาดพลังและกำลังใจและหยุดให้นมลูกในที่สุด
การที่ทำให้คุณพ่อ
คุณแม่เข้าใจว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และเลี้ยงลูกด้วยนมแม่พร้อมอาหารตามวัยจนถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่ คุณพ่อ คุณแม่และครอบครัว
ตลอดจนชุมชน สามารถช่วยกันดูแลให้เกิดขึ้น เด็กที่กินนมแม่มีภาวะโภชนาการที่ดี มีภูมิต้านทานช่วยในการป้องกันโรค
ลดภูมิแพ้โปรตีนจากนมวัว และการกินนมแม่ยังช่วยสร้างความผูกพัน
เกิดการเรียนรู้ระหว่างแม่กับลูกผ่านการโอบกอด สัมผัส
ในช่วงระยะเวลาที่ลูกได้กินนมแม่
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ที่แม่จะให้ลูกได้และถือเป็นของขวัญชิ้นแรก เป็นเรื่องไม่ยากที่จะทำได้สำเร็จ ช่วงที่ลูกได้กินนมแม่
เป็นช่วงที่แม่ลูกได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีความสุขไปพร้อมๆ กัน
ซึ่งเริ่มตั้งแต่เมื่อคลอด การที่ลูกได้นอนบนอกแม่และดูดนมทันทีหลังคลอดหรือภายใน2ชั่วโมงหลังคลอดซึ่งจะช่วยทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว6เดือนสำเร็จ
การดำเนินงานของศูนย์นมแม่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการเสริมพลังให้กับแม่
ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ให้การช่วยเหลือดูแล
ในกรณีที่แม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จวบจนแม่ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ มีการจัดตั้งกลุ่มอาสา โดยการนำคุณแม่ที่ประสบความสำเร็จที่มีจิตอาสา
มาเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือคุณแม่ที่ประสบปัญหา ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ โดย
“แม่ช่วยแม่” และอีกช่องทางหนึ่ง คือ ทางมูลนิธิฯ
มีเว็ปไซต์เพื่อการสื่อสารข้อมูลวิชาการต่างๆให้สำหรับคุณแม่ที่สนใจหรือมีปัญหา
ข้อสงสัย สามารถเข้ามาเยี่ยมชม หาความรู้ได้
หรือตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
อีกหนึ่งกิจกรรมที่มูลนิธิฯ ดำเนินการคือ
การประสานงานระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน องค์กรอิสระ
เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการ
เพื่อเป็นการสนับสนุนให้แม่ทำงาน ที่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6
เดือนประสบความสำเร็จ โดยมีสถานที่
บีบเก็บน้ำนมเพื่อความสะดวกและเป็นสัดเป็นส่วน และกิจกรรมที่สำคัญ คือ
การสร้างความรู้ ทักษะ ให้บุคลากรทางการสาธารณสุข โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล ให้มีความรู้ ทักษะ
เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่อยู่ในสถาบันการศึกษา เมื่อจบออกมา
มีความพร้อมที่สามารถช่วยเหลือแม่ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่อยากจะสื่อสาร คือ 1-6-2 1= การให้ลูกได้กินนมแม่ในชั่วโมงแรกหลังคลอด
6= กินนมแม่นนานอย่างเดียว 6 เดือน และ2= กินนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัยจนถึง 2ปี หรือนานกว่านั้น
โดยการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจตั้งแต่ในระดับชุมชนเพื่อให้เกิดความตะหนัก
เพราะการที่แม่จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นั้นชุมชนมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือแม่อย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น