ทองคำ นับเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยอดีตคนไทยนิยมซื้อทองรูปพรรณมาสวมใส่ ที่นอกจากจะเป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงามแล้ว ยังได้กำไรจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย แต่ปัจจุบันทองคำมีให้เลือกลงทุนมากขึ้น จนหลาย ๆ คนอาจตั้งข้อสงสัยว่า ทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ 96.5% กับทองคำ 99.99% แตกต่างกันอย่างไร และ ระหว่างการลงทุนทองรูปพรรณ กับทองคำแท่งนั้น ลงทุนแบบไหนได้กำไรมากกว่ากัน
“วายแอลจี บูลเลี่ยน” ผู้ให้บริการครอบคลุมทุกเรื่องทอง จึงมีคำตอบดี ๆ มาฝาก
ทั้งนี้ ทองคำที่แพร่หลายมากในประเทศไทย คือทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ 96.5% เนื่องจากเหมาะสำหรับการนำไปทำเป็นเครื่องประดับ มีสีเหลืองทอง สวยและมีความแข็งของเนื้อทองมากพอ และจากการสำรวจพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือราว 75% มักเลือกที่จะซื้อทองคำที่ค่าความบริสุทธิ์ 96.5% โดยราคาอ้างอิงของร้านทองทั่วประเทศจะอิงกับสมาคมค้าทองคำ ซึ่งจะมีส่วนต่างของราคารับซื้อและราคาขายออกอยู่ที่ 100 บาท
ส่วนทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ 99.99% หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทองสวิส กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในขณะนี้ โดยมีสีเหลืองอร่าม แวววาว และเนื้อทองคำมีความอ่อนตัว เหมาะสำหรับการนำไปทำเป็นทองรูปพรรณ ส่วนทองคำแท่ง 99.99% ก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุนทองคำแท่งในปัจจุบันอีกด้วย
แล้วหากต้องการลงทุนทองคำ ควรเลือกแบบไหนจะได้กำไรมากกว่ากัน ซึ่งจุดเด่นของทองรูปพรรณและทองคำแท่งนั้น จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่แตกต่างกันได้
เริ่มที่ ทองรูปพรรณ นักลงทุนจะสามารถซื้อได้ตามน้ำหนักที่ต้องการ แถมยังได้กำไรจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรในแง่การได้สวมใส่เป็นเครื่องประดับ แต่ทองรูปพรรณมีข้อจำกัดคือ มีต้นทุนค่ากำเหน็จเพิ่มเข้ามา
ขณะที่ ทองคำแท่งไม่มีค่ากำเหน็จ จึงทำให้ราคาถูกกว่าทองรูปพรรณในน้ำหนักทองที่เท่ากัน และจุดนี้เองทำให้ทองคำแท่งเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนทอง และการลงทุนทองคำแท่งในปัจจุบันยังมีน้ำหนักทองให้เลือกมากขึ้นกว่าสมัยก่อน โดยมีน้ำหนักทองเริ่มตั้งแต่ขนาด 1 สลึง ไปจนถึง 1 กิโลกรัม เพื่อนักลงทุนจะสามารถเลือกซื้อทองคำแท่งให้เหมาะสมกับเงินลงทุนที่มีได้
เพียงเท่านี้ เชื่อว่าท่านนักลงทุนจะสามารถตัดสินใจได้แล้วว่า ควรเลือกลงทุนแบบไหนที่จะตรงใจมากที่สุด หรือหากยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ www.ylgbullion.co.th
“วายแอลจี บูลเลี่ยน” ผู้ให้บริการครอบคลุมทุกเรื่องทอง จึงมีคำตอบดี ๆ มาฝาก
ทั้งนี้ ทองคำที่แพร่หลายมากในประเทศไทย คือทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ 96.5% เนื่องจากเหมาะสำหรับการนำไปทำเป็นเครื่องประดับ มีสีเหลืองทอง สวยและมีความแข็งของเนื้อทองมากพอ และจากการสำรวจพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือราว 75% มักเลือกที่จะซื้อทองคำที่ค่าความบริสุทธิ์ 96.5% โดยราคาอ้างอิงของร้านทองทั่วประเทศจะอิงกับสมาคมค้าทองคำ ซึ่งจะมีส่วนต่างของราคารับซื้อและราคาขายออกอยู่ที่ 100 บาท
ส่วนทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ 99.99% หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทองสวิส กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในขณะนี้ โดยมีสีเหลืองอร่าม แวววาว และเนื้อทองคำมีความอ่อนตัว เหมาะสำหรับการนำไปทำเป็นทองรูปพรรณ ส่วนทองคำแท่ง 99.99% ก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุนทองคำแท่งในปัจจุบันอีกด้วย
แล้วหากต้องการลงทุนทองคำ ควรเลือกแบบไหนจะได้กำไรมากกว่ากัน ซึ่งจุดเด่นของทองรูปพรรณและทองคำแท่งนั้น จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่แตกต่างกันได้
เริ่มที่ ทองรูปพรรณ นักลงทุนจะสามารถซื้อได้ตามน้ำหนักที่ต้องการ แถมยังได้กำไรจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรในแง่การได้สวมใส่เป็นเครื่องประดับ แต่ทองรูปพรรณมีข้อจำกัดคือ มีต้นทุนค่ากำเหน็จเพิ่มเข้ามา
ขณะที่ ทองคำแท่งไม่มีค่ากำเหน็จ จึงทำให้ราคาถูกกว่าทองรูปพรรณในน้ำหนักทองที่เท่ากัน และจุดนี้เองทำให้ทองคำแท่งเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนทอง และการลงทุนทองคำแท่งในปัจจุบันยังมีน้ำหนักทองให้เลือกมากขึ้นกว่าสมัยก่อน โดยมีน้ำหนักทองเริ่มตั้งแต่ขนาด 1 สลึง ไปจนถึง 1 กิโลกรัม เพื่อนักลงทุนจะสามารถเลือกซื้อทองคำแท่งให้เหมาะสมกับเงินลงทุนที่มีได้
เพียงเท่านี้ เชื่อว่าท่านนักลงทุนจะสามารถตัดสินใจได้แล้วว่า ควรเลือกลงทุนแบบไหนที่จะตรงใจมากที่สุด หรือหากยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ www.ylgbullion.co.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น