โรงพยาบาลเปาโลพหลโยธินก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 แห่งความสำเร็จ สู่การเป็นผู้นำด้านการแพทย์วิถีใหม่ “new normal” ไปสู่ “new future”
กรุงเทพมหานคร – 31 สิงหาคม 2564 – เป็นเวลาเกือบ 2 ปีได้ ที่ประเทศไทยรวมถึงทั่วโลกได้พบกับศึกใหญ่หลวงนัก นั่นคือ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรง จนกลายเป็นมหาวิกฤตทางสาธารณสุขโลก ภาครัฐในหลายประเทศ และแม้แต้ประเทศไทยเอง วิกฤตครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายในวงกว้าง เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป แต่นั่นก็นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนสนใจสุขภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน การส่งเสริมสุขภาพ และการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน และถึงแม้ว่าเศรษฐกิจช่วงนี้จะชะลอตัวลงก็ตาม โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เรายังคงเตรียมความพร้อมและยกระดับศักยภาพในเชิงการแพทย์อยู่ตลอดเวลา
ผศ.นพ.วีรยะ เภาเจริญ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน กล่าวว่า “เราอาจจะต้องอยู่กับ COVID-19 กันไปปีกว่าหรือสองปี เราจึงต้องรักษาสุขภาพให้ดีและแข็งแรง เพื่อรับมือกับการอาศัยในสภาวะที่โรคระบาดนี้ยังคงดำเนินอยู่”
ฉะนั้น การรักษาที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและครอบคลุมทั้งระบบ เชื่อมโยงตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย ให้คำปรึกษา เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม จนถึงการติดตามผลหลังการรักษา จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความชำนาญการของแพทย์แต่ละสาขา ทั้งยังจำเป็นต้องมีบุคลากรทางการแพทย์จากหลากหลายสาขาวิชาชีพที่ชำนาญการเฉพาะทาง คอยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถดำรงชีวิตได้ยาวนานมากขึ้น
ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวต่อว่า โควิด-19 นับเป็นวิกฤตที่สอนให้เราได้เรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนา จนเกิดเป็น ‘New Normal’ หรือความปกติใหม่นั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตหลายด้าน ในหลายวงการสาขาอาชีพ รวมถึงวงการแพทย์ และ New Normal ที่ว่านี้ สำหรับ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ได้มีการพัฒนายกระดับการให้บริการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องรับกับพฤติกรรมของผู้มาใช้บริการที่เปลี่ยนไปอย่างครอบคลุมในทุกๆ มิติ ได้แก่
1. การแยกพื้นที่บริการเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ สำหรับผู้มาใช้บริการ ภายใต้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย
2. Homecare services เช่น บริการฉีดวัคซีน บริการจัดส่งยา (Drug delivery) เพื่อให้ผู้ป่วย ได้รับบริการอย่างรวดเร็ว ถึงง่าย และปลอดภัยสูงสุด
3. Virtual Care โทรเวช หรือ Telemedicine โรงพยาบาล เปาโล พหลโยธิน ได้นำ Telemedicine มาใช้เพื่อตอบโจทย์การรักษาพยาบาลผู้ป่วย ถือเป็นการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และปลอดภัยสูง การดูแลรักษาที่มีทั้งผ่านทางออนไลน์อย่างเดียว หรือผสมผสานออนไลน์เข้ากับ offline ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกหรือพฤติกรรมการใช้บริการของผู้รับบริการทุกช่วงอายุ บางท่านสะดวก online บางท่านยังต้องการแบบ offline อยู่ หรือบางท่านก็เป็นแบบผสม เรียกได้ว่าเราสามารถที่จะให้บริการได้หมดทุกวิถีทาง เข้าถึงความต้องการของลูกค้าต้องการทุกกลุ่มอายุ กลุ่มประเภท โดยมีบริการต่างๆ อาทิ บริการเจาะเลือดที่บ้านแล้วสามารถฟังผลออนไลน์ การให้คำปรึกษาทางการแพทย์แบบออนไลน์ การนัดการดูแลติดตามอาการผู้ป่วยเรื้อรัง การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ เป็นต้น
4. การจัดสัมมนาออนไลน์ ถ่ายทอดองค์ความรู้และความชำนาญทางการแพทย์ให้กับทีมแพทย์ จะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลฯ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน มีการการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Knowledge sharing) ต่างๆ ทางด้านประสบการณ์ด้านการแพทย์ เช่น ทันตกรรมดิจิทัล ของ Digital Dental Center ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะ สาขาทันตกรรมรากเทียม โรงพยาบาลฯ จึงเล็งเห็นความสำคัญขึ้น จัดตั้งสถาบันการเรียนรู้แก่ทันตแพทย์ที่สนใจทั้งภายในและนอกโรงพยาบาล เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มประสบการณ์ พัฒนาความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนับว่าเป็นภาพลักษณ์อันดีต่อองค์กรและในอนาคต ด้วยศักยภาพของทีมแพทย์สาขากระดูกและข้อ โรงพยาบาลฯ มีวางแผนไว้ว่าเราจะตั้งเป็นสถาบันกระดูกและข้อขึ้นมา ด้วยประสบการณ์ของทีมแพทย์ ที่ได้ดูแลรักษาคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่มารับบริการจะมาด้วยปัญหา office syndrome การเจ็บปวดจากความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง โดยจุดเด่นของสถาบันของเราคือ จะครอบคลุม ทั้งด้านการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั่วไป การศึกษาวิจัยทางการแพทย์ และการฝึกอบรมแก่แพทย์ โดยจะมีแพทย์ผู้ชำนาญการของโรงพยาบาลฯ เป็นผู้ให้การฝึกอบรมให้แก่แพทย์จากทั่วประเทศรวมถึงต่างประเทศด้วย โดยจะเน้นไปที่การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง Endoscope การผ่าตัดแบบแผลเล็กที่ใช้เวลาในการผ่าตัดและพักฟื้นไม่นาน ช่วยลดข้อจำกัดทุกด้านของการผ่าตัดแบบเก่า รวมถึงผลข้างเคียงที่แทบไม่ปรากฏ ทำให้ได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการแพทย์ทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคเอเชีย นับว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความชำนาญการของแพทย์ไทยในระดับสากล ในด้านวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน
ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวต่ออีกว่า โรงพยาบาลฯ ให้บริการทางการแพทย์ครอบคลุมทุกมิติ กว่า 24 สาขา โดยหลักๆ จะเน้นให้บริการกลุ่มโรคหลัก ดังนี้ 1. โรคหัวใจ 2. โรคกระดูกและข้อ 3. ทันตกรรม รากเทียม ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล 4. โรคมะเร็ง 5. โรคระบบประสาทและสมอง 6. การดูแลสุขภาพจิต (Let’s Talk Center) 7. การผ่าตัดแผลเล็ก 8. เทคโนโลยีการรักษาด้วยออกซิเจนบรรยากาศสูง (HBO)
นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ยังมีระบบการบริหารจัดการด้านการแพทย์ด้วยโมเดลธุรกิจแบบ Networking ที่มีระบบเครือข่ายร่วมกันกับโรงพยาบาลในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท 1 และ โรงพยาบาลพญาไท 2 ในด้านการรักษาโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) การรักษาโรคมะเร็ง เป็นต้น โดยมีเจตนาในการส่งมอบคุณภาพการรักษาที่ได้มาตรฐานที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วย เพื่อเสริมพลัง สร้างศักยภาพให้มีการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ไปจนถึงระดับบน ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระแก่โรงพยาบาลภาครัฐ และเกิดผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย
ประเทศไทยผ่านหลายวิกฤต เราไม่เคยเป็นผู้แพ้ แต่ตรงกันข้ามเราพยายามสู้เอาตัวรอดมาได้อย่างสวยงามทุกครั้งจนมาถึงการระบาดของโควิด-19 หากมองว่าโควิด-19 เป็นวิกฤต วิกฤตนี้ก็นับเป็นโอกาส ความท้าทายให้กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำ การเดินหน้าต่อยอดให้บริการด้านการแพทย์อย่างมุ่หงมั่น ปรับมุมมองให้โรงพยาบาลฯ เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มารับการรักษา ท่ามกลางการแข่งขันที่เกิดขึ้นแบบรอบทิศ การดูแลรักษาพยาบาลที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และน่าประทับใจ ตลอดจนความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อมาตรฐานคุณภาพ และความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เราสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปี
“เชื่อว่าทุกโรงพยาบาลต่างเฟ้นหานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและดีที่สุด มาใช้รักษาผู้ป่วยให้กลับมามีคุณภาพชีวิตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่สำคัญและเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ ในการดูแลผู้ป่วยในแบบที่โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ทำก็คือการทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ระหว่างแพทย์ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และบุคลากรที่ทำงานด้วยความทุ่มเท รวมถึงเทคโนโลยีที่คัดสรรอย่างดีที่สุด โดยทั้งหมดทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม และความตั้งใจเขาเรา คือ ต้องคำนึงถึง ‘Value-based care’ คือ การมุ่งเป้าไปสู่ผู้ป่วยทุกราย จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและคุ้มค่า ภายใต้มาตรฐาน เปาโล พหลโยธิน ผู้ป่วยแต่ละรายจะได้รับการรักษาในราคาที่สมเหตุผล ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน ไม่ต้องกลับมารักษาซ้ำโดยไม่จำเป็น” ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวสรุป
กล่าวได้ว่านับตั้งแต่โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เปิดบริการในปี พ.ศ.2515 จนมาวันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 การพัฒนาในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เปาโล พหลโยธิน กลายโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้มารับบริการทั้งชาวไทยและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ในอนาคตมองว่าอุตสาหกรรมทางการแพทย์ มีแนวโน้มเติบโตรวมถึงธุรกิจโรงพยาบาล จะถูกยกระดับความสำคัญและเป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดที่โรงพยาบาลฯ ยึดมั่น เป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน นั่นคือ การพัฒนาด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย และนี่คือบทพิสูจน์ที่แสดงถึงศักยภาพทางการแพทย์ อย่างมืออาชีพ กับความสำเร็จที่ต้องแลกมาด้วยประสบการณ์
เกี่ยวกับโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
โรงพยาบาลเปาโลพหลโยธิน เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกๆ ที่ให้บริการด้านการแพทย์เฉพาะทางแบบครบวงจรกว่า 24 สาขา บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ย่านสะพานควาย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2515 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นเลิศทางด้านการให้บริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง และทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา ดูแลเอาใจใส่ ให้การรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง และยึดมั่นในจรรยาบรรณทางวิชาชีพอย่างเคร่งครัด และจากความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจนี้กลายเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในเรื่องการให้บริการด้านการรับผู้ป่วยภาวะวิกฤต เพื่อการรักษาพยาบาลอย่างทันต่อเหตุการณ์และการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) โรงพยาบาลฯ ได้ขยายพื้นที่การให้บริการอีกเป็นอาคารที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งเป็นอาคารขนาด 9 ชั้น สำหรับรองรับผู้ป่วยได้ถึง 250 เตียงเพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับผู้ป่วยให้มากขึ้น นับแต่นั้นมาโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ได้ก้าวสู่พัฒนาการอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเครื่องมืออันทันสมัยมาใช้ในการตรวจรักษาและวินิจฉัยโรค ตลอดจนความชำนาญการของแพทย์ในหลากหลายสาขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น