‘กัญชงไทย’ ตอบโจทย์ 14 อุตสาหกรรม เพิ่มขีดแข่งขันระดับสากล พร้อมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 สร้างจุดเชื่อมโยงไทยสู่ตลาดโลก
นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมกัญชงไทยในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2565 ที่มีการปลดล็อคพืชกัญชง ‘สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย’ หรือ TIHTA ได้สร้างเครือข่ายของอุตสาหกรรมกัญชงและการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันพร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงไทยให้มีความแข็งแรงตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ผู้ประกอบการด้านแปรรูป และผู้ผลิต รวมไปถึงการสร้างแนวทางให้กัญชงไทยตอบโจทย์ตลาดอุตสาหกรรมกัญชงโลกให้ได้มากที่สุด
อุตสาหกรรมกัญชงไทยถือว่ามีความแข็งแรงและมีการขับเคลื่อนรวมถึงการวางมาตรฐานของอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ปี 2564 ครอบคลุม 6 มาตรฐานเพื่ออุตสาหกรรมกัญชง คือ 1.น้ำมันเมล็ดกัญชง 2.สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 30% 3.สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 80% 4. เปลือกกัญชง 5.แกนกัญชง 6.เส้นใยกัญชง ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นมาตรฐานของการนำวัตถุดิบจากกัญชงมาใช้ในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม จนปัจจุบันมีการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับพืชกัญชงมากถึง 14 ประเภทอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม อาหารเสริม เครื่องสำอาง เวชสำอาง ยานยนตร์ วัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเป็นต้น
ขณะที่การเติบโตของอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพืชกัญชงของไทยในช่วงปีที่ผ่านมา มีการเติบโตตามกรอบของระเบียบและกฎหมายการรับรอง ทั้งในแง่ของ ห่วงโซ่อุตสาหกรรมอันได้แก่ การปลูก การสกัด และผลิตภัณฑ์ โดยข้อมูลจากแอปพลิเคชันปลูกกัญชงมีการลงทะเบียนการปลูกกว่า 1.1 ล้านคน และข้อมูลจากองค์การอาหารและยา และกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกมีพื้นที่การปลูกมากถึง 11,348,882 ตรม. สำหรับใบอนุญาตผู้สกัดสารสำคัญจำนวนทั้งสิ้น 89 แห่ง โดยแบ่งเป็นใบอนุญาตสกัดกัญชา 41 แห่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐทั้งหมด และใบอนุญาตสกัดกัญชง 48 แห่ง โดยมีเอกชน 39 ราย และหน่วยงานรัฐ 9 ราย สำหรับผลิตภัณฑ์ด้านปลายน้ำ อ้างอิงจากระบบสืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีกัญชงและกัญชาเป็นส่วนประกอบ ของคณะกรรมการอาหารและยา มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับคณะกรรมการอาหารและยากว่า 1,000 รายการ ซึ่งแบ่งเป็นเครื่องสำอาง 77% อาหารและอาหารเสริม 19% และผลิตภัณฑ์สมุนไพร 4% นอกจากนี้ด้านมูลค่าตลาดข้อมูลจาก Euromonitor มูลค่าทางการตลาดกัญชงและกัญชาของประเทศไทยในปี 2565 มีมูลค่า 8,482 ล้านบาท และคาดการณ์เติบโตในปี 2570 จะมีมูลค่า 73,447 ล้านบาท
สำหรับ Asia International Hemp Expo and Forum 2023 ภายใต้แนวคิด การต่อยอดสู่เป้าหมาย ‘Growing Industries Together’ ในปีนี้มีการเชื่อมโยงและทำความร่วมมือกันอย่างชัดเจนทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมเชื่อมโยงและ ปรับบริบททางธุรกิจให้ตรงกับสภาวะปัจจุบัน ตรงกับผู้บริโภคและความต้องการในตลาดนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ทั่วโลก มีปัจจัยหลักคือการผลักดันให้เกิดกระบวนการธุรกิจในเชิงสิ่งแวดล้อม หรือ การสร้าง Sustainability ในธุรกิจ โดยพืชตระกูลกัญชงนับเป็นทางเลือกที่มีความโดดเด่นในด้านการนำมาพัฒนาได้ทุกส่วน ตลอดจนสารสกัดที่สามารถนำนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้ในเชิงการแพทย์ Wellness และต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อย่างครบวงจร อีกทั้งยังเป็นโอกาสของเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตเส้นใยที่มีคุณภาพที่ดีเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยประเทศที่ใช้เส้นใยกัญชงในการผลิตสินค้า ฉนวนกันความร้อน ผนังกันเสียง วัสดุก่อสร้างต่างๆ และส่วนประกอบยานยนต์ ไปจนถึงพลังงานสะอาดจากกัญชง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ และ พลังงานชีวมวล (Biomass) ซึ่งเกษตรกรต้นน้ำและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมกัญชงของไทยทั้งที่เป็นสมาชิกสมาคมและรายอื่นๆ ได้มีเวทีในการโชว์ศักยภาพและเปิดโอกาสให้เห็นคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก Fortune Business Insights มูลค่าของตลาดเส้นใยกัญชงในปี 2565 อยู่ที่6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 31,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันยุโรปครองส่วนแบ่งตลาดเส้นใยกัญชงมากที่รองลงมาสหรัฐอเมริกา โดยประเทศที่มีพื้นที่การเพาะปลูกเส้นใยกัญชงมากที่สุดคือ จีน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดเผยว่า งาน Asia International Hemp Expo and Forum2023 ถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์กัญชงนานาชาติ งานแรกของเอเชียที่เป็นจุดเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจของนักอุตสาหกรรมในวงการจากทั่วโลก สำหรับปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าชมงานจากกว่า 80 ชาติ สร้างมูลค่าการซื้อขายจากการจัดงานกว่า 5,500 ล้านบาท จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานตั้งแต่ต้นน้ำการปลูก กลุ่มวัตถุดิบ การแปรรูป ไปถึงปลายน้ำที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย ภายใต้มาตรฐานการคัดกรองสินค้าที่มุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์โดยเฉพาะ และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มูลค่าเงินหมุนเวียนในงานไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
สำหรับการจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 จะนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นใน 14 อุตสาหกรรมหลัก โดยยึดหลักกระบวนการผลิตตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อเกื้อกูลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการเจรจาเพื่อเชื่อมต่อโอกาสทางธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย และนักลงทุนจากนานาชาติ ในฐานะศูนย์กลางของอุตสาหกรรมกัญชงของภูมิภาคนอกจากนี้ ภายในงานจะมี Showcase ทุกประเภทอุตสาหกรรม รวมถึงการนำมาใช้ในเชิงวัฒนธรรม งานหัตถศิลป์ที่สร้างเป็นผลงานต่อยอด ยกระดับของเหลือใช้จากภาคอุตสาหกรรม สู่การสร้างชิ้นงานศิลป์ในโซน ‘Hemp for Living’ โดยศิลปินของไทยที่ชื่อเสียงระดับโลก ทำให้กัญชงไทยสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงผลักดันที่จะก่อให้เกิดการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจได้อีกส่วนหนึ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น