ม. มหานคร จับมือ GalaxySpace จัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นความถี่สูงครั้งแรกในมหาวิทยาลัย ร่วมพัฒนาระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม มุ่งสร้างกำลังคนด้านเทคโนโลยีอวกาศเพื่อขับเคลื่อนไทยสู่ผู้นำ Space Economy ในอาเซียน

กรุงเทพฯ
13 มิถุนายน 2567  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) มหาวิทยาลัยเอกชนอันดับหนึ่งด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย จับมือ GalaxySpace บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาดาวเทียมระบบสื่อสาร บรอดแบนด์วงโคจรต่ำชั้นนำของโลก จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกันพัฒนาและทดสอบสมรรถนะระบบเครือข่ายการสื่อสารบรอดแบนด์แบบบูรณาการ ทั้งส่วนดาวเทียมสื่อสารวงโคจรระดับต่ำ และสถานีดาวเทียมภาคพื้น ภายใต้ชื่อ “Mini-Spider” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการจัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นที่ใช้ความถี่สูงย่าน Q/V ในมหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาวิจัยเทคโนโลยีด้านดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำ (Low-Earth Orbit หรือ LEO) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ MUT ในฐานะผู้นำด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งมหาวิทยาลัยและพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์และบุคลากรเพื่อตอบสนองความต้องการกำลังคนด้านเทคโนโลยีอวกาศ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศ (New Space Economy) ในภูมิภาคอาเซียน

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้GalaxySpaceได้นำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมทั้งส่วนสถานีเชื่อมโยงสัญญาณ (gateway) สำหรับผู้ให้บริการซึ่งมีติดตั้งอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทยที่ม.เทคโนโลยีมหานครและส่วนสถานีลูกข่าย (user terminal) สำหรับผู้ใช้บริการ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายมีทั้งแบบติดตั้งอยู่กับที่และติดตั้งบนยานพาหนะทางด้านMUTได้จัดตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศและสร้างสถานีดาวเทียมภาคพื้น พร้อมระดมทีมนักวิจัย คณาจารย์ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำนี้รวมถึงทำการทดลองและทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน ร่วมกับทีมวิศวกรจากทาง GalaxySpace ซึ่งหลังจากทำการทดลองใช้งานครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาผลปรากฏว่าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้จริงและสามารถนำอินเทอร์เน็ตของผู้ประกอบการไทยไปทดลองใช้งานผ่านกลุ่มดาวเทียมวงโคจรต่ำได้เป็นครั้งแรกในโลก

รศ. ดร.ภานวีย์  โภไคยอุดม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครเปิดเผยว่าผมเห็นศักยภาพในหลายๆด้านของประเทศไทยและเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศในอนาคตซึ่งเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยบริการด้านอวกาศที่มีความหลาหลายโดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างนวัตกรรมต่างๆที่สามารถพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยีอวกาศไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลายกลุ่มอุตสาหกรรมMUTเรามีความสนใจด้านเทคโนโลยีอวกาศมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งมหาวิทยาลัยดาวเทียมไทพัฒเป็นผลงานการออกแบบและสร้างโดยคนไทยซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยเราและเรามีการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันตั้งแต่ต้นน้ำที่เป็นส่วนประกอบต่างๆของดาวเทียมขนาดเล็ก ตลอดจนระบบของสถานีภาคพื้นสู่ปลายน้ำที่เป็นการนำข้อมูลจากดาวเทียมมาใช้ประโยชน์ในงานต่างๆซึ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าMUT มีความพร้อมในทุกๆด้านทั้งเรื่องสถานที่องค์ความรู้รวมถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาวเทียมระดับแนวหน้าของประเทศความร่วมมือกับGalaxySpaceในการจัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นในมหาวิทยาลัยของเราถือเป็นโอกาสสำคัญของMUT ที่จะมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำกับบริษัทระดับแนวหน้าของโลก นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอวกาศรวมถึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคณาจารย์ ได้หาประสบการณ์และเก็บเกี่ยวองค์ความรู้เชิงลึกด้านเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อนำไปปรับใช้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และในอนาคตบุคลากรเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเติมเต็มความพร้อมด้านเทคโนโลยีอวกาศเพื่อช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศและเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอวกาศของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง”

มิส. อิซาเบล ฉางหลิว (Ms. Isabel Chang Liu) ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานบริษัทGalaxySpaceกล่าวว่า“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิรัฐศาสตร์ตั้งอยู่ในจุดที่ได้เปรียบต่อการพัฒนาศักยภาพของประเทศให้เติบโตได้ในหลายๆด้านจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์แห่งเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ความร่วมมือระหว่าง GalaxySpace และ MUT ในครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนาระบบเครือข่ายสื่อสารบรอดแบนด์แบบบูรณาการที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทคโนโลยีอวกาศของMUTช่วยยกระดับการเรียนการสอนและเพิ่มพูนทักษะให้กับนักศึกษาขึ้นไปอีกขั้นผ่านการฝึกฝนและสร้างเสริมประสบการณ์จริง โดยทาง GalaxySpace ยินดีถ่ายทอดความรู้และร่วมพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศภายในประเทศไทยและช่วยประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรต่าง  ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพด้านเทคโนโลยีอวกาศให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้และอีกหนึ่งความตั้งใจของเราคือสามารถพัฒนานวัตกรรมทางดาวเทียมและการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมกับผู้ประกอบการไทยเพื่อให้คนไทยได้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูง

 ปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่หลากหลาย อาทิ ดาวเทียมไทยคม 4 (THAICOM-4)หรือ ไอพีสตาร์ (IPSTAR) เป็นดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้าหรือวงโคจรประจำที่ (Geostationary Orbit : GEO) ที่มีระดับความสูงจากพื้นโลกโดยประมาณ 35,786 กิโลเมตร 
ด้วยขีดจำกัดด้านระยะห่างจากพื้นโลกของดาวเทียมแบบ GEO จึงมีการพัฒนาระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมแบบวงโคจรต่ำ (Low Earth orbitหรือ LEO Satellite ซึ่งห่างจากโลกเพียง 500 - 2,000 กิโลเมตร ซึ่งมีผู้ให้บริการดาวเทียมรายใหญ่หลายแห่งที่อยู่ต่างประเทศได้แก่ StarlinkOneWeb เป็นต้น แต่ยังไม่มีสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สำนักงานกสทช.ต้องออกกฎระเบียบให้รัดกุมเพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัย ทดลองและทดสอบเทคโนโลยีก่อนการใช้งานเชิงพาณิชย์เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาช่วยในการออกกฎระเบียบที่เหมาะสม

GalaxySpace ตอบโจทย์อินเทอร์เน็ตดาวเทียมอย่างมีประสิทธิภาพ

 โครงการพัฒนาและทดลองทดสอบระบบ ‘Mini-Spider’ ของ GalaxySpace ที่ร่วมกับ MUT นี้ประกอบไปด้วย 

1) ส่วนสถานีดาวเทียมภาคพื้น ซึ่งแบ่งเป็น ส่วน คือ ส่วนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า สถานีเชื่อมโยง ะบบนี้จะนำอินเทอร์เน็ตภาคพื้น หรือ อินเทอร์เน็ตบ้าน ขึ้นสู่กลุ่มดาวเทียมบรอดแบนด์ และ ส่วนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต มีอุปกรณ์เรียกว่า สถานีลูกข่าย ที่ผู้ใช้งานสามารถนำโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมาเชื่อมต่อได้โดยตรงทั้งแบบใช้สาย (LAN) หรือแบบไร้สาย (WIFI)
2) ส่วนอวกาศหรือดาวเทียมสื่อสารบรอดแบนด์ เป็นกลุ่มดาวเทียมที่จะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรระดับต่ำ จะทำหน้าที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างฝั่งสถานีเชื่อมโยงและสถานีลูกข่าย โดยจะมีแผนปล่อยดาวเทียมหลายร้อยดวงให้กระจายตัวครอบคลุมทั่วโลกสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ ระบบ Mini-Spider จึงเป็นเหมือนอุปกรณ์นำอินเทอร์เน็ตจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องเดินสายสัญญาณ เพียงแค่มีพื้นที่เปิดโล่งเห็นท้องฟ้าและมีระบบจ่ายไฟฟ้า (ไฟบ้าน) ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย

เทคโนโลยีด้านดาวเทียมของ GalaxySpace เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน Q/V ที่เป็นคลื่นความถี่สูง ที่มีแนวโน้มจะใช้งานมากขึ้นในอนาคตและเป็นคลื่นความถี่ที่ยังไม่เคยมีการใช้มาก่อนในประเทศไทยซึ่งต้องเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายหรือรบกวนระบบที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันด้วยความร่วมมือจากสำนักงานกสทช.ที่คอยให้คำแนะนำช่วยเหลือและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียม การใช้คลื่นความถี่การนำเข้าอุปกรณ์วิทยุคมนาคมรวมถึงการอนุญาตให้จัดตั้งเป็นพื้นที่ Sandbox เป็นระยะเวลา ปี สำหรับพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครในกรุงเทพมหานครและระยะเวลา ปี สำหรับพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครในอีก 6 จังหวัดได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก ชัยนาท นครนายก ระยองและภูเก็ต ทำให้โครงการศึกษาวิจัย ทดลองและทดสอบนวัตกรรมเทคโนโลยีดาวเทียมที่ MUTร่วมกับ GalaxySpace สามารถดำเนินการตามแผนวิจัยที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี

รศ. ดร.ภานวีย์ กล่าวเสริมว่า “ดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำจะอยู่ที่ระดับความสูงไม่เกิน 2,000 km ขณะที่ดาวเทียมของ GalaxySpace อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 500 km ทำให้ระยะทางระหว่างพื้นโลกไปยังดาวเทียมค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับดาวเทียมในวงโคจรอื่นๆ จากการทดสอบเบื้องต้นของระบบMini-Spider เราได้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดประมาณ 250 Mbps อัพโหลดสูงสุดประมาณ 210Mbps และมี Latency น้อยสุดประมาณ 32 msเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ GalaxySpace จะมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงกว่าการใช้อินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน ที่ใช้เทคโนโลยี 5G ในประเทศไทย ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดประมาณ 175 Mbps อัพโหลดสูงสุดประมาณ 23 Mbps และ Latency ประมาณ 28-34 msเห็นได้ว่า ระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ GalaxySapce สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการให้บริการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีความเร็วสูงและมีการตอบสนองต่อการรับส่งข้อมูลอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการสื่อสารและข้อมูลที่สะดวกสบาย เสมือนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ในเขตเมือง” 

 MUT เราเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำของประเทศไทย เราไม่เพียงมุ่งเน้เรื่อการศึกษาแบบองค์รวม แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศยุคใหม่ของประเทศไทย เราเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพเพื่อยกระดับขีดความสามารถของบุคลากร เราเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับ GalaxySpace ครั้งนี้ จะสามารถตอบสนองความต้องการกำลังคนด้านเทคโนโลยีอวกาศและพร้อมส่งเสริมสร้างผลิตภัณฑ์ในอุสาหกรรมอวกาศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน ผลักดันไทยก้าวสู่ผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศในอาเซียนได้อย่างเป็นรูปธรรม” รศ. ดร.ภานวีย์ กล่าวสรุป

 


ความคิดเห็น