ทีพี-ลิงค์ เอเชียแปซิฟิก เชื่อมั่นศักยภาพการลงทุนในประเทศไทย จัดประชุม TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 สุดยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย มีพันธมิตรธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 800 คน
ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสถานที่ตั้งเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางโลกเพราะมีระบบการขนส่งที่เชื่อมต่อไปยังหลายประเทศ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในแต่ละปี ตนมีโอกาสได้เดินทางไปติดต่อทางธุรกิจทั่วโลก อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมีจุดเด่นในด้านงานภาคบริการและการอำนวยความสะดวกสบาย รวมถึงบุคลากรที่ทำงานด้านนี้ (Service & Hospitality) มีศูนย์ประชุมที่การเดินทางสะดวกสบาย ทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้า ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ
รวมทั้ง TP-Link ยังได้เลือกให้กรุงเทพฯ ประเทศไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ของ TP-Link อีกด้วย นอกจากนี้ TP-Link มีผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่หลากหลายและสามารถนำไปใช้งานในด้านต่างๆ การจัดประชุมครั้งนี้ จึงถือโอกาสเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อแสดงถึงพลังของการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อให้พันธมิตรธุรกิจได้เห็นถึงการผนึกกำลังสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน (Together Power The Future)
ปัจจุบัน AI เข้ามาอยู่ในทุกอุปกรณ์ (Devices) ซึ่งจะเห็นการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ จากผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ TP-Link มองว่า AI คือเครื่องมือพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ที่จะมาช่วยยกระดับอุปกรณ์ ไม่ว่าจะใช้งานกับเครือข่ายแบบมีสาย หรือ Wi-Fi สร้างโอกาสมหาศาลให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย ขณะเดียวกันกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ยังรวมไปถึงผู้ใช้งานทั่วไป ทั้งภาคการศึกษา บริการภาครัฐ เป็นต้น และจากประสิทธิภาพการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น การตรวจจับและประมวลผลรวดเร็วขึ้น ลดการใช้บุคลากรในการดูแลจัดการระบบ เป็นต้น
เราขอให้คำมั่นกับทั้งพันธมิตร และทีมงานทุกคนของ TP-Link ในประเทศไทยว่าจะให้การสนับสนุนในทุกก้าวย่างเพื่อไปสู่ความสำเร็จ อีกทั้งเสริมความแข็งแกร่ง (Empower) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ควบคู่การติดอาวุธทางความรู้ที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันในตลาด โดยตลอดทั้งปีนี้จะดำเนินการผ่านหลักสูตรฝึกอบรมที่เตรียมจัดไว้ให้ตลอดทั้งปี ทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ VIGI บริษัทจะใช้สูตรการตลาด 4E คือการใช้งานง่าย (Easy to use) และติดตั้งง่าย (Easy to deploy) สนับสนุนการจัดการระบบอย่างง่ายดาย ได้ผ่านแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์
นาย Chen Kun กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจในตลาดประเทศไทย TP-Link เน้นขับเคลื่อนการเติบโตโดยแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่าย OMADA มีการกำหนด Brand Strategy ไว้ เพื่อให้ครอบคลุมการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายและการวางตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจน และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจระดับ SMEs และธุรกิจระดับ SMBs ที่ทำการตลาดมาก่อนหน้า บริษัทฯ มุ่งชูจุดขายเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่ใช้งานง่าย ( Easy to use) และมีราคาที่เหมาะสม
รวมทั้ง การเปิดตัว OMADA Pro เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) ซึ่งจากการวิเคราะห์ตลาดพบว่าลูกค้าองค์กรใหญ่ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีโซลูชันที่ดี และสามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานขององค์กร ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ดีต้องถูกขับเคลื่อนด้วยโซลูชันที่ดีจะทำให้มีข้อได้เปรียบ และผลิตภัณฑ์ของ TP-Link มีจุดแข็งด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนการผลักดันตลาด OMADA Pro เราจะทำควบคู่กันไป ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย โดยจะมีการเพิ่มแรงจูงใจให้กับพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไปต่อยอดสร้างโครงการใหม่ๆ ขยายธุรกิจใหม่ เพิ่มโอกาส รวมทั้งแหล่งรายได้ใหม่ให้กับพันธมิตรได้อีกด้วย อีกทั้งการที่ TP-Link มีแพลตฟอร์มการจัดการแบบรวมศูนย์ ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง และความพร้อมเหล่านี้สนับสนุนให้บริษัทสามารถให้บริการกับลูกค้าได้ทั่วถึง ซึ่งอยู่ในแผนการตลาดประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่ในส่วนของลูกค้า TP-Link เราได้ผสานรวมการสนับสนุนการจัดการ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ ระบบเครือข่าย และ กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย ไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างความปลอดภัยในสังคมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกค้าก็สามารถจัดซื้อผลิตภัณฑ์ได้ในราคาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
ในงาน TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 ครั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งพาร์ทเนอร์ ในประเทศไทย และต่างประเทศ เข้าร่วมงาน อาทิ The Engineering Craft จากประเทศไทย, Infinity Networks Security Sdn Bhd จากประเทศมาเลเซีย, Tecco จากประเทศออสเตรเลีย, Jnets Co,.Ltd จากประเทศญี่ปุ่น, Ammel Technology จากประเทศสิงคโปร์, Fore Solutions Private จากประเทศอินเดีย, และ t’order จากประเทศเกาหลีใต้
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ TP-Link: https://www.tp-link.com/th/ หรือติดตามข้อมูลข่าวสารบน Facebook TP-Link VIGI & Omada Business Networking – TH https://www.facebook.com/tplinkbiz
และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ VIGI ได้ที่: https://bit.ly/5reasonsVIGI หรือปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโซลูชัน OMADA ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับธุรกิจ และ VIGI ระบบกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังความปลอดภัย ได้ที่: https://bit.ly/3ONQRZH
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น