ตามที่ สกสค.ได้ดำเนินการ ร้องขอความอนุเคราะห์ในการปรับลดเบี้ยประกันเงินกู้สวัสดิการของสมาชิก ช.พ.ค.-ช.พ.ส ต่อ ธนาคารออมสิน และบริษัททิพยประกันภัย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือสมาชิกครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. กล่าวว่า สกสค.ในฐานะที่เป็นผู้บริหารและกำกับโครงการเงินกู้ ช.พ.ค. ได้เล็งเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราค่าเบี้ยประกันดังกล่าว จะเป็นการสร้างภาระและความเดือดร้อนให้กับบรรดาสมาชิกครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เข้าร่วมในโครงการเงินกู้ดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือ ถึงผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อให้พิจารณาแจ้งหารือกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ให้การช่วยเหลือทบทวนอัตราค่าเบี้ยประกันสินเชื่อในโครงการเงินกู้ของสมาชิก ช.พ.ค ในทันที
ดร.พีระพันธ์ กล่าวอีกว่า แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปเกือบสามสัปดาห์ ทาง สกสค.เรายังไม่ได้รับคำตอบจากทางธนาคารออมสิน เราจึงได้ทำหนังสือเพื่อสอบถามและขอความอนุเคราะห์อีกครั้งว่า มีแนวทางในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร สามารถปรับลดอัตราเบี้ยประกันได้หรือไม่ เพราะเราเห็นว่าพี่น้องครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับความเดือดร้อนจากการปรับเพิ่มเบี้ยประกันจากโครงการนี้จริง
“ประเด็นที่เราทำหนังสือครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามการร้องขอความอนุเคราะห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ได้มีการการกำหนดตัวเลขว่าต้องเท่าไร แต่เพียงอยากให้พิจารณาปรับลดตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการครองชีพให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เปรียบเสมือนครอบครัวของพวกเราชาว สกสค.”เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.กล่าว
ทั้งนี้ หนังสือเรื่องขอให้พิจารณาปรับลดเบี้ยประกันเงินกู้สวัสดิการของสมาชิก ช.พ.ค. ถึงผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ลงนามโดย ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการ คณะกรรมการ สกสค. เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น