เมื่อ “เสือ” ออกนอกกรอบ ก้าวกระโดดชูกลยุทธ์ S.M.A.R.T Craftmanship เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเป็นได้มากกว่าปูนซีเมนต์ พร้อมยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการยกระดับพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงาน ช่างก่อสร้างให้เทียบชั้นมาตรฐานสากล
“เสือ” ปักธงผู้นำตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอย่างยั่งยืน ภายในปี 2568
นายนพพร กีรติบรรหาร Chief Marketing Officer - Marketing and Branding Cement and Green Solutions Business บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์ทางการตลาด และแบรนด์ ปูนตราเสือ มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการครบทุกมิติตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม โดยมีพันธกิจหลักคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำเสนอระบบการใช้ผลิตภัณฑ์ Wall & Floor Application System ให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพครบวงจร สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ และการสนับสนุน พัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสสร้างให้ได้มาตรฐานระดับสากล
ชูแนวคิด S.M.A.R.T. Craftsmanship ของ "เสือ" ครอบคลุม 5 มิติหลัก ดังนี้
1. Sustainable Products: "เสือ" มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้รับรองฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับสากล EPD (Environmental Product Declaration) ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด เป็นการรับรองมาตรฐานข้อกำหนดในหลายประเทศที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มผลิตภัณฑ์ปูนตราเสือที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากร ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ผสม, มอร์ตาร์, กาวซีเมนต์, ซีเมนต์ตกแต่ง,สี และน้ำยาเคมีภัณฑ์ต่างๆ
2. Multi Solutions: "เสือ" ปรับ Product & Service Portfolio ให้ตอบสนองการใช้งานทุกรูปแบบการก่อสร้าง (RCIF) (Residentail ที่พักอาศัย, Commercial อาคารสูงและห้างร้าน , Industrial โรงงานอุตสาหกรรม และ Infrastructure โครงสร้างพื้นฐาน) ในรูปแบบ Wall and Floor Application System ด้วยระบบการใช้งานและนวัตกรรมที่หลากหลายในทุก Segment ทั้งแนวราบและแนวสูง ครอบคลุมงานระบบผนังและพื้น งานระบบปูกระเบื้อง ระบบงานซ่อมแซม งานทาสี งานระบบกันซึม การฉาบพื้นผิว และงานตกแต่ง เป็นต้น
3. Artful Architecture: "เสือ" ตอบโจทย์งานสถาปัตยกรรม ทั้งผนังและพื้นให้สวยงามและมีมิติ ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ตกแต่ง และอื่นๆ ด้วย Tiger Lifestyle ถูกนำเสนอออกมา เป็นเชิงการใช้งานรูปแบบและสไตล์ต่างๆ ทั้ง งาน และ “เสือ” ขยายศักยภาพแบรนด์เป็นมากกว่าปูนซีเมนต์ ด้วย “Tiger Brand Commerce” เช่น โครงการ คิดจากถุง ด้วยการนำถุงปูนรอทำลายมารีไซเคิลเป็นกระเป๋าสุดชิค การทำ Collaboration Project ต่าง ๆ เช่น Tiger x Phannapast, Tiger x Bangkok Tales, Tiger x Wrangler และยังร่วมกับดีไซน์เนอร์ไทยรุ่นใหม่ Renim Project จนได้ไปจัดแสดงที่ LA Fashion Week และ Tikky Wow
4. Raising Standard of Construction: "เสือ" มุ่งพัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสร้างอย่างครบวงจร ทั้งองค์ความรู้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การนำเทคโนโลยี และเครื่องมืออันทันสมัย รวมถึงสามารถเรียนรู้ผ่าน VR Showroom และ Online E-Learning ผ่านสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จ.สระบุรี ด้วยกลยุทธ์ 4M ได้แก่ Man (พัฒนาทักษะแรงงาน) Machine (พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยี) Method (พัฒนาขั้นตอนการทำงาน) และ Material (พัฒนาปูนซีเมนต์และวัสดุใหม่)
นอกจากนี้ "เสือ" ยังร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาเครื่องมือ Smart Tiger Tool ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผนังและพื้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น เครื่องพ่นฉาบผนังปูนซีเมนต์ เครื่องยนต์ดีเซล (TORA S-ONE), เกรียงก่ออิฐพันปี, เกรียงก่ออิฐมวลเบา, เครื่องวัดความพร้อมก่อนปั่นหน้าปูน และเครื่องปั่นหน้าปูน ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร
5. Trusted Partnership: "เสือ" สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เชื่อมโยงเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เครือข่ายช่างปูนและผู้รับเหมา สถาปนิก เพื่อต่อยอดโอกาสทางการตลาด และการเพิ่มขีดความสามารถในงานก่อสร้างผนังและพื้นด้วยความเชื่อมั่นตลอดทั้งห่วงโซ่ (Value Chain) โดยได้ร่วมพัฒนาพันธมิตร (Co-Develop) ได้แก่ TACT และ KUBOTA: เครื่องพ่นฉาบผนังปูนซีเมนต์ เครื่องยนต์ดีเซล TORA S-ONE และ Rothenburg Group: เกรียงก่ออิฐพันปี รวมถึง SC Asset: ยกระดับคุณภาพงาน ลด Defect และ Waste ในโครงการและมีแผนความร่วมมือพัฒนาองค์ความรู้ด้านงานผนังและพื้นในอนาคตกับ ช.การช่าง: ด้านเทคนิคการฉาบปูนบนผนังอิฐกำลังอัดสูง โครงการเขื่อนหลวงพระบาง สปป.ลาว
"เสือ" ปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ สร้างระบบนิเวศครบวงจร ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทุก Segment
“เสือ” วางแผนปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ ให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทุกประเภทการก่อสร้าง ทั้งแนวสูงและแนวราบ ตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไปจนถึงเจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างทุกขนาด พร้อมขยายโอกาส และสร้างความเชื่อมั่นที่คงความแข็งแกร่ง และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน ตอบโจทย์ตลาดและเทรนด์ในอนาคต รวมถึงการมุ่งยกกระดับพัฒนาทักษะฝีกมือแรงงานช่างก่อสร้าง อย่างต่อเนื่องให้เทียบชั้นมาตรฐานสากล
ความท้าทายของเราวันนี้ กับ “กลยุทธ์อยู่ร่วมหรืออยู่รอด”นายนพพร กล่าว ด้วยแนวคิดของ “เสือ” ถ้าหากเรามองเรื่องของต้นทุนโลคอลของจีน ในมิติที่จะลดต้นทุนเป็นหลัก ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการขาย ตลาดจะแมส ซึ่งเขาเก่งกว่าเราอยู่แล้ว ดังนั้นหากเราจะแข่งกับเขาเราแข่งด้านต้นทุนไม่ได้ เราต้องแข่งที่เทคโนโลยี คุณค่า (value) บริการ (service) ซึ่งเชื่อว่าจุดแข็งนี้เป็นข้อได้เปรียบของเรา ยังรวมถึงการเข้าใจวัฒนธรรม ความเข้าใจพฤติกรรมของคนในประเทศไทย ความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า ซึ่งในมิติการแข่งขันเราจะไม่แข่งด้วยราคา แต่เราจะแข่งด้วย offering ที่แตกต่าง
หากเรามองจีนเป็นคู่แข่งก็จะยาก แต่ถ้าเรามองจีนเป็นพันธมิตรจะดี สินค้าบางอย่างเราอาจจะยืมหรือดึงเขามาร่วมพัฒนาได้ ดังนั้นแนวคิดของเรา มองจีนเป็นพันธมิตรมากกว่าเป็นคู่แข่ง ซึ่งมองว่ามีโอกาสในการเติมเต็มซึ่งกันและกัน “เราจะไม่แข่งด้วยราคา และเอาคู่แข่งเป็นพันธมิตร”
"เสือ" ผลักดันพัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสร้าง สร้างเครือข่ายช่างก่อสร้างคุณภาพ
"เสือ" เล็งเห็นปัญหาขาดแคลนแรงงานมีฝีมือในอุตสาหกรรมก่อสร้าง จึงก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จ.สระบุรี (Tiger Wall and Floor Technology Center) ศูนย์รวบรวมองค์ความรู้งานก่อสร้างงานผนังและพื้นที่ทันสมัย โดยในอนาคตมีแผนจะเปิดศูนย์ฝึกอบรมเพิ่มที่จังหวัดลำปางและนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ "เสือ" เชื่อมั่นว่าการพัฒนาบุคลากรคือ หัวใจสำคัญในการยกระดับวงการก่อสร้างไทยมุ่งมั่นสร้างช่างฝีมือก่อสร้างที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เทียบเท่าระดับสากล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น