GAC AION Thailand ผนึกกำลัง มทร.อีสาน ลงนาม MOU สร้าง “ระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่” ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง EV แห่งอาเซียน
GAC AION Thailand ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของไทยอย่างยั่งยืน ประกาศลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) โดยมีภาคีเครือข่าย บริษัท เชเลิฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป จํากัด เป็นสักขีพยานในพิธีโดยเป้าหมายสำคัญในการสร้าง "ระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้านยานยนต์พลังงานใหม่" อย่างครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตร, การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี, การยกระดับมาตรฐานบริการหลังการขาย, และการสร้างบุคลากรคุณภาพสูงที่มีทักษะตรงตามมาตรฐานสากล เพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม EV ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สนับสนุนนโยบาย 30@30 ของรัฐบาล และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาค
พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ยานยนต์พลังงานใหม่ครั้งนี้ จัดขึ้น ณ อาคาร Innovation มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วมเป็นสักขีพยานอย่างคับคั่ง นำโดย คุณไพศาล ที่รัก ศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา, พลโท ปิยะพณห์ ฐิตวัฒนานนท์ แม่ทัพน้อยที่ 2, คุณพิริยะ เข็มพล กรรมการสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานผู้ทรงคุณวุฒิและอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง, รองศาสตราจารย์ดร. โฆษิต ศรีภูธร รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน และคุณหวัง หย่งเจีย ประธานกรรมการบริษัท เชเลิฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป จํากัด
Mr. Andrew Wang ประธานกรรมการบริหาร GAC AION Thailand กล่าวถึงวิสัยทัศน์และความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “Thailand 4.0” และเป้าหมาย “30@30” อย่างเต็มรูปแบบ แต่อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนบุคลากรคุณภาพสูงได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย GAC ตระหนักถึงความต้องการเร่งด่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ที่ต้องการบุคลากรที่มีทักษะสูง GAC ยึดมั่นในหลัก ESG หรือ แนวคิด สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยใช้ “การศึกษาเพื่อสาธารณประโยชน์” เป็นพลังในการขับเคลื่อนอนาคตสีเขียว เรายึดมั่นในแนวคิด “ตั้งมั่นในประเทศไทย รับใช้ประเทศไทย สร้างงาน สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน” และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานและ Chelove International Education Group เพื่อพัฒนาบุคลากรคุณภาพสูงด้านยานยนต์พลังงานใหม่
"หัวใจสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ คือ การบูรณาการ “มาตรฐานจีน + บริบทของประเทศไทย” เข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง GAC จะนำเทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตขั้นสูงของจีนมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานในการจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอบรมและหลักสูตรยานยนต์พลังงานใหม่ไทย-จีน” เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทั้งด้านการเรียนการสอน การวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมจริง GAC จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบและมาตรฐานการผลิตบุคลากรระดับสากลอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การออกแบบหลักสูตร การพัฒนาเนื้อหาการเรียนการสอน ไปจนถึงการสร้างแพลตฟอร์มฝึกอบรมจริง เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งเอเชียแปซิฟิก”
ความร่วมมือระหว่าง GAC AION Thailand, มทร.อีสาน และ Chelove International Education Group ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง "อนาคต" ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย โดยเป็น “การปฏิบัติจริงของความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน” ซึ่งเป็นการยกระดับการบูรณาการระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่การผลิตบุคลากรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสนับสนุน “การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่” เช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในยานยนต์ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอย่างยั่งยืน
ผู้ที่สนใจรถยนต์พลังงานใหม่จาก GAC AION Thailand สามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์
www.aionauto.com/th-th/
และลงทะเบียนเพื่อทดลองขับได้ที่ www.aionauto.com/th-th/test-drive/AION%20V
เกี่ยวกับ GAC Group
GAC Group เป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าให้กับอุตสาหกรรม ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง นวัตกรรมล้ำสมัย และบริการที่ยอดเยี่ยม โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ระดับแนวหน้าของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกที่น่าเชื่อถือในระดับโลก โดย GAC Group ได้ก้าวสู่ตลาดรถยนต์โลกอย่างเป็นทางการในปี 2013 และเติบโตเข้าสู่ตลาดอย่างมั่นคง ด้วยการยึดมั่นในคุณค่าแห่ง “คุณภาพระดับแนวหน้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย” พร้อมหลักการ “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง บริการจากภายใน” เพื่อสร้างแบรนด์ที่เชื่อถือในเวทีสากล และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานทุกมิติ
ปัจจุบัน GAC Group มีสำนักงานใหญ่จำนวน 5 แห่ง ครอบคลุมกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก, กลุ่มประเทศ CIS และอียิปต์ เสริมศักยภาพการขยายตัวในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่โดดเด่นและวัฒนธรรมขององค์กรที่แข็งแกร่ง
ด้วยความสำเร็จที่โดดเด่น GAC Group ได้รับการจัดอันดับใน Fortune Global 500 ต่อเนื่องถึง 12 ปี โดยในปี 2024 อยู่ที่อันดับ 181 มีบุคลากรระดับแนวหน้ากว่า 100,000 คน ครอบคลุม 15 ประเทศทั่วโลก รวมถึงทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 6,000 คนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
GAC Group มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Centers) ในจีน สหรัฐอเมริกา และอีกหลากหลายประเทศ พร้อมครอบครองเทคโนโลยีด้านสิทธิบัตรหรือสิทธิการอนุญาตกว่า 18,600 รายการ และผลงานการพัฒนาอัจฉริยะกว่า 7,500 รายการ ครอบคลุมเทคโนโลยีและนวัตกรรมขององค์กร
ด้านศักยภาพทางผลิต GAC Group มียอดขายกว่า 2.5 ล้านคันในปี 2023 ติดอันดับ 4 ของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดยปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์ในเครือที่ยืนหยัดด้วย 3 แบรนด์ได้แก่ AION, HYPTEC และ GAC Motor นอกจากนี้ GAC Group ยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ชั้นนำในผู้ผลิตชั้นนำ ได้แก่ HONDA และ TOYOTA ผ่านบริษัทระหว่าง GAC HONDA และ GAC TOYOTA
ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ GAC Group ใช้ Big Data ขับเคลื่อนโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ และระบบ AI ผ่านการทดสอบที่มีความแม่นยำสูงถึง 95% พร้อมยกระดับขอบเขตการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การผลิต พัฒนา เทคโนโลยี ไปจนถึงการให้บริการระดับโลก
GAC Group ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำด้านยานยนต์ แต่ยังเน้นย้ำถึงการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม ความโปร่งใส และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความพึงพอใจมากกว่า เพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก






ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น